การลงทุนในโครงการก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงาน โรงงาน หรือพื้นที่ธุรกิจใด ๆ ล้วนเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ และแน่นอนว่ามีความเสี่ยง หากเกิดข้อผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย อาจนำไปสู่ค่าใช้จ่ายบานปลาย ความล่าช้า หรือปัญหากฎหมายตามมาได้
เพื่อช่วยให้เจ้าของโครงการเตรียมพร้อม BKL Builder ผู้เชี่ยวชาญด้านงานรับเหมาก่อสร้างเพื่อธุรกิจ ได้รวบรวม 7 ข้อผิดพลาดที่มักเกิดขึ้นบ่อย พร้อมแนวทางป้องกันที่มีประสิทธิภาพ ไว้ในบทความนี้ ไปดูกันเลย
1. วางแผนงบประมาณ “ตามใจชอบ” ไม่ใช่ “ตามจริง”
หลายครั้งเจ้าของโครงการตั้งงบประมาณตามอุดมคติ โดยไม่ได้เผื่อค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน (Contingency) หรือความผันผวนของราคาวัสดุ
ตัวอย่าง: โครงการอาคารสำนักงานแห่งหนึ่งตั้งงบไว้ 15 ล้านบาท แต่ราคาวัสดุเพิ่มขึ้น 10% ทำให้เจ้าของต้องหาเงินเพิ่มอีก 1.5 ล้านบาทเพื่อให้โครงการดำเนินต่อไป ส่งผลให้เกิดความเครียดและล่าช้า
แนวทางป้องกัน:
- กำหนดงบประมาณเผื่อฉุกเฉิน (Buffer) ไว้ล่วงหน้าอย่างน้อย 10–15% ของมูลค่าโครงการ
- เลือกผู้ให้บริการที่ประเมินราคาโปร่งใสตั้งแต่ต้น เพื่อให้รู้ค่าใช้จ่ายจริง
- ใช้ระบบบริหารจัดการงบประมาณที่ติดตามค่าใช้จ่ายจริงทุกสัปดาห์
การวางงบประมาณแบบรอบคอบตั้งแต่ต้นจะช่วยให้โครงการราบรื่น และลดความเสี่ยงค่าใช้จ่ายบานปลาย
2. ข้ามขั้นตอนศึกษาพื้นที่และกฎหมาย
เจ้าของโครงการบางคนรีบเริ่มออกแบบโดยไม่ได้ตรวจสอบผังเมือง ข้อจำกัดของทำเล หรือกฎหมายท้องถิ่น อาจทำให้ต้องปรับแบบใหม่ หรือเจอปัญหาอนุญาตภายหลัง ซึ่งทำให้เสียทั้งเวลาและเงิน
ตัวอย่าง: โรงงานแห่งหนึ่งต้องรื้อแบบใหม่ทั้งหมดเพราะพื้นที่ติดข้อจำกัดผังเมือง ซึ่งทำให้ส่งมอบล่าช้า 3 เดือน และเพิ่มค่าใช้จ่ายกว่า 500,000 บาท
แนวทางป้องกัน:
- ให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าสำรวจพื้นที่และตรวจสอบกฎหมายก่อนเริ่มออกแบบ
- ทำ checklist ของข้อจำกัดต่าง ๆ เช่น การใช้พื้นที่สูงสุด การจอดรถ หรือระยะร่น
- สื่อสารผลการตรวจสอบให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรับทราบ
การศึกษากฎหมายและพื้นที่ล่วงหน้าจะช่วยให้การออกแบบสอดคล้องกับข้อบังคับ ลดปัญหาที่ต้องแก้ไขทีหลัง
3. แบบก่อสร้างขาดความละเอียดและไม่สอดคล้องกัน
แบบสถาปัตย์ โครงสร้าง และระบบต่าง ๆ เช่น ไฟฟ้า ประปา แอร์ หรือระบบสาธารณูปโภคอื่น ๆ มักไม่ถูกตรวจสอบขัดแย้งกัน เมื่อเริ่มงานจริงจึงอาจเกิดปัญหาชนกัน
ตัวอย่าง: อาคารสำนักงานแห่งหนึ่งต้องรื้อระบบแอร์เพราะชนกับโครงสร้างหลังคา และต้องเลื่อนวันส่งมอบลูกค้า 2 สัปดาห์
แนวทางป้องกัน:
- ใช้เทคโนโลยี BIM (Building Information Modeling) เพื่อรวมข้อมูลทั้งหมดในโมเดล 3 มิติ
- ตรวจสอบขัดแย้งระหว่างแบบล่วงหน้า ลดปัญหาที่เกิดขึ้นจริง
- จัดประชุมประสานงานแบบ Cross-discipline ก่อนเริ่มงาน
การใช้ BIM และการประสานงานตั้งแต่ต้นช่วยลดปัญหาหน้างาน และทำให้โครงการเป็นไปตามแผน

4. เลือกวัสดุเพราะ “ราคาถูก” เกินไป
การประหยัดต้นทุนด้วยการเลือกใช้วัสดุที่ราคาต่ำที่สุด อาจทำให้อาคารเสื่อมสภาพเร็ว อายุใช้งานสั้นกว่ามาตรฐาน หรือความปลอดภัยไม่ถึงเกณฑ์ จึงต้องซ่อมบำรุงกันบ่อย ๆ
ตัวอย่าง: โรงงานแห่งหนึ่งเลือกท่อประปาราคาถูก ทำให้รั่วภายใน 2 ปี ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด เสียทั้งเวลาและเงิน
แนวทางป้องกัน:
- เลือกวัสดุคุณภาพ เหมาะกับการใช้งานระยะยาว
- ใช้วัสดุที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม
- ประเมินความคุ้มค่าตลอดอายุใช้งาน ไม่ใช่ราคาต้นทุนเริ่มแรก
การลงทุนในวัสดุคุณภาพสูงแต่แรก ช่วยลดค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงและปัญหาในระยะยาว
5. การสื่อสารระหว่างผู้เกี่ยวข้องไม่ชัดเจน
ความเข้าใจผิดระหว่างเจ้าของโครงการ สถาปนิก วิศวกร และช่าง เป็นเหตุให้งานคลาดเคลื่อนจากความต้องการเดิม การเปลี่ยนแปลงนาทีสุดท้าย หรือเกิดความเข้าใจผิดในรายละเอียดสำคัญ
ตัวอย่าง: ในโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงาน มีการเปลี่ยนตำแหน่งบันไดฉุกเฉินนาทีสุดท้าย แต่ไม่ได้แจ้งทุกฝ่าย ทำให้ติดปัญหาการติดตั้งและต้องแก้ไขภายหลัง
แนวทางป้องกัน:
- กำหนดช่องทางการสื่อสารอย่างเป็นทางการ
- บันทึกการตัดสินใจทุกครั้ง ให้ทุกฝ่ายรับทราบ
- ใช้ระบบ Project Management Tracking เพื่อติดตามงานและความคืบหน้า
การสื่อสารที่ชัดเจนและมีระบบช่วยให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน ลดความผิดพลาดและความล่าช้า
6. ละเลยความปลอดภัยในพื้นที่ก่อสร้าง
อุบัติเหตุและความเสียหายเกิดได้ง่าย หากมาตรฐานความปลอดภัยไม่เข้มงวด
ตัวอย่าง: หนึ่งไซต์งานเกิดอุบัติเหตุเพราะไม่มีราวกันตกครบทุกชั้น ทำให้คนงานบาดเจ็บและหยุดงานชั่วคราว ส่งผลต่อเวลาและภาพลักษณ์ของโครงการ
แนวทางป้องกัน:
- บริษัทรับเหมาก่อสร้างต้องจัดทำแผนความปลอดภัยไว้อย่างชัดเจน
- มีการจัดอุปกรณ์ป้องกันตามมาตรฐาน
- อบรมทีมงานอย่างสม่ำเสมอ และตรวจสอบความปลอดภัยทุกวัน
ความปลอดภัยไม่ใช่เรื่องเลือกได้ แต่เป็นหัวใจของการส่งมอบงานคุณภาพและลดความเสี่ยง
7. ขาดการวางแผนสำหรับการใช้งานในอนาคต
หลายครั้งอาคารถูกออกแบบให้ตอบโจทย์เพียงวันนี้ โดยไม่วางแผนรองรับเผื่อการขยายธุรกิจ การปรับปรุงระบบ หรือการติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในอนาคต ซึ่งอาจทำให้ต้องลงทุนปรับปรุงครั้งใหญ่
ตัวอย่าง: อาคารสำนักงานต้องเจาะผนังเพื่อติดตั้งสายไฟใหม่ทั้งหมด เพราะไม่ได้เผื่อระบบในอนาคต ทำให้เสียค่าใช้จ่ายสูงและรบกวนการทำงาน
แนวทางป้องกัน:
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่ขั้นออกแบบ
- ออกแบบให้อาคาร ยืดหยุ่น รองรับการเติบโตของธุรกิจใน 5–10 ปีข้างหน้าได้
- เผื่อพื้นที่และระบบสำหรับการปรับปรุงในอนาคต
การวางแผนระยะยาวช่วยให้โครงการคุ้มค่าและลดความเสี่ยงของการลงทุนซ้ำ
ทำงานกับ BKL Builder คือการลงทุนที่มั่นใจ
ข้อผิดพลาดส่วนใหญ่เกิดจาก ความไม่พร้อมและการสื่อสารไม่ชัดเจน BKL Builder ผสานประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และเทคโนโลยีการบริหารโครงการสมัยใหม่ ทำให้ทุกขั้นตอน แม่นยำ โปร่งใส และลดความเสี่ยง เราพร้อมเป็นพันธมิตรช่วยให้โครงการของคุณ ราบรื่นและประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย
ข้อผิดพลาดในการก่อสร้าง ส่วนใหญ่มักเกิดจากความไม่พร้อมและการสื่อสารไม่ชัดเจน ที่ BKL เราเป็นผู้ให้บริการรับเหมาก่อสร้างครบวงจร ผสานประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ เข้ากับเทคโนโลยีการบริหารจัดการโครงการสมัยใหม่ ทำให้ทุกขั้นตอนแม่นยำ โปร่งใส และลดความเสี่ยง เราพร้อมเป็นพันธมิตรที่ช่วยให้โครงการก่อสร้างทางธุรกิจของคุณราบรื่นและประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย






